MCAT CARS: Schema Development

After having taught CARS for over 4 years, Aj. Sumi our CARS expert and tutor has expressed to AJ. Rani, founder of Learning Hub and MEDI PREP, that she continuously encounters similar issues year after year that are:

1. students’ inability to truly interpret sentences and,

2. students’ limited vocabulary stock.

Aj. Sumi, after discussion with her peers, has come up with a solution: Schema Development. (WHaaaattttttt is this!!? :D)


Let me explain: Schema Development basically is exposing students to articles on many topics before attending proper CARS class to increase their vocabulary bank and also increase their understanding of sentences in their diverse contexts.

Hence, with this understanding, Aj. Rani has developed an Advanced Reading Interpretation Practice and Schema Development as the first class of next MCAT’ 25 group course. Upon registration of MCAT group course, students will be given 9 academic articles on various topics (diligently researched by Rani and Sumi on high-yield topics in MCAT CARS and topics students find most difficulty dealing with) to peruse before class begins.

The class will be intensively interpreting sentences in the article’s context and learning to find meaning of weird words without using a dictionary (FUN!…hahahaha).

Students will definitely be able to implement reading skills gained from this class to all MCAT sections, read faster, have an adequate understanding after one read.

See all you aspiring doctors soon!

Happy Learning!

Rani 🙂

MCAT: ต้องเตรียม ต้องติว ต้องปัง

สวัสดีค่ะน้องๆทุกคน อ. เจน นะคะ (หรือจะเรียกพี่เจนก็ได้ค่ะ เพื่อความเป็นกันเอง) ขอแนะนำตัวแบบง่ายๆก่อนเลย พี่เรียนจบปริญญาเอกสาขาวิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยรับหน้าที่การสอนวิชา Biology เป็นหลักและ Biochemistry ที่ Learning Hub และ MediPrep ค่ะ ซึ่งก็มีประสบการณ์สอนน้องๆที่นี่มาเกือบ 5 ปีแล้วค่ะ

สำหรับ blog แรกนี้ พี่ขอเริ่มต้นด้วยการแนะนำเกร็ดเล็กๆน้อยๆสำหรับการเตรียมตัวก่อนสอบ MCAT นะคะ สิ่งแรกที่น้องๆต้องทำคือต้องทำความรู้จัก MCAT ก่อน (รายละเอียดนั้น สามารถหาได้จากทาง website ต่างๆได้) โดยข้อสอบจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วน:

1. Biological and Biochemical of Living Systems

2. Chemical and Physical Foundations of Biological systems

3. Psychological, Social, and Biological Foundations of Behavior

4. Critical Analysis and Reasoning Skills

คะแนนเต็มของแต่ละส่วนคือ 132 คะแนน มีคะแนนรวมทั้งหมด 528 คะแนน

• เพราะฉะนั้น การที่จะได้คะแนนสอบที่ดีนั้นจะต้องมีการเตรียมตัวที่ใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน โดยเวลานี้จะเป็นการเรียนรู้เนื้อหาวิชาต่างๆ รวมถึงการทำข้อสอบจาก question banks (Learning Hub เราพร้อมจัดการให้ทุกอย่างแน่นอน!)

• อย่างแรกที่อยากให้น้องๆทำคือสร้าง to-do list ของตัวเองโดยแบ่งเป็น 3 ช่วงใหญ่ คือ

1. ช่วง Study เป็นเรียนรู้เนื้อหาของแต่ละวิชาเป็นหลัก ทำความเข้าใจเนื้อหา จำคำศัพท์ทางเทคนิคต่างๆ เป็นต้น

2. ช่วง Review เป็นการทบทวนเนื้อหาที่ได้ทำไปในช่วง study โดยมีการทำแบบฝึกหัดแบบพื้นฐาน หรือการใช้ Anki flashcards

*น้องๆสามารถนำช่วง study และ review มาสลับกันได้ เช่น เมื่อเรียนบท respiratory system เสร็จแล้ว ก็ต่อด้วยช่วง review

3. ช่วง Practice เป็นการทำแบบฝึกหัดที่ใกล้เคียงกับข้อสอบ MCAT ของจริง เช่นการทำคำถามจาก UWorld หรือ AAMC เพราะน้องๆจะได้ประเมินตัวเองว่าพร้อมหรือยังที่จะสอบ มีเนื้อหาตรงไหนที่ต้องไปเน้นเพิ่มเติมหรือไม่ ขอเน้นเลยนะคะ ว่าจุดนี้สำคัญมากๆ นอกจากจะเป็นการทดสอบความรู้ที่ต้องใช้สอบแล้ว ยังเป็นการเรียนรู้ style การสอบของตัวเองด้วย เช่นการเลือกที่จะทำ passage ให้จบก่อน หรือ independent questions ก่อน หรือระยะเวลาในการใช้ตอบคำถามว่าใช้เวลานานไปหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่าเรามีเวลาแค่ 90-95 นาทีในการทำข้อสอบ โดยการทำ to-do list นี้ ควรเซ็ท timeline ไว้ด้วย เช่น ในสัปดาห์นี้จะเรียนเกี่ยวกับ glucose metabolism และ lipid metabolism ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยให้เห็นในภาพกว้างของระยะเวลาในการเตรียมตัวทั้งหมดก่อนสอบ และเป็นการกระตุ้นตัวเองว่าเวลาใกล้สอบแล้วนะ พร้อมหรือยัง ไฟจะลนก้นแล้วหรือยังนะ ล้อเล่นนะคะ ซึ่งถ้าน้องๆเซ็ท timeline แบบนี้ น้องๆจะไม่มีความ panic แบบนี้แน่นอน ตรงกันข้าม น้องๆจะรู้สึกว่าตัวเองพร้อมแล้วที่จะลุยในสนามจริง

• อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคือเวลาพัก อย่าลืมใส่เวลา break เข้าไปใน to-do list ด้วยนะคะ เป็นการพักสมองเบาๆ สักวันในสัปดาห์ที่ฝ่าฟันเนื้อหาทั้งหมดมา เครียดไปก็ไม่ดีนะคะ! เป็นการ recharge ตัวเองเพื่อการเรียนในสัปดาห์ถัดไปค่ะ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเทคนิคเล็กๆน้อยๆที่พี่มาเสนอนะคะ โดยน้องๆสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับตัวเองเพื่อให้การเตรียมตัวมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ ทาง Learning Hub พร้อมพาน้องๆลงสู่สนามจริงค่ะ! เพราะการเริ่มต้นที่ดี มีชัยไปกว่าครึ่งนะคะ happy learning ค่ะทุกคน แล้วพบกันใน blog ถัดไปค่ะ

อ.เจน 🙂

MCAT TIMELINE (THAI)

MCAT หรือ Medical College Admission Test เป็นข้อสอบสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อสาขาวิชาการแพทย์ และต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีมาแล้วในคณะใดก็ได้ ข้อสอบนี้จะเป็นการทดสอบผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น นอกจากนี้ หัวข้อของข้อสอบและทักษะที่จำเป็นนั้น อาจารย์จะมาอธิบายเพิ่มเติมในบล็อคถัดไปนะคะ

จุดประสงค์ของบทความในวันนี้คือเพื่ออธิบายไทม์ไลน์ที่จำเป็นสำหรับการเตรียมตัวที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ MCAT บทความนี้อ้างอิงมาจากประสบการณ์ของอาจารย์ที่มีต่อนักเรียนไทยที่สนใจอยากเป็นแพทย์โดยทำการศึกษาค้นคว้าแค่เพียง 1 ถึง 2 เดือน

มันเป็นไปไม่ได้ เพราะคะแนนคุณจะไม่ดี แม้แต่นักเรียนชีวการแพทย์ก็ตาม…

แต่แน่นอนว่า ทุกคนสามารถทำ MCAT ได้ มันไม่ได้เป็นสิ่งที่ยากที่สุด เราแค่ต้องรู้ตัวว่าเราควรเตรียมตัวและพยายามอย่างไรให้เต็มที่!

สำหรับผู้ที่ไม่ได้จบด้านวิทยาศาสตร์ อาจารย์แนะนำให้น้องๆเตรียมตัวอย่างน้อย 6 เดือน น้องๆ อย่าเพิ่งคิดว่าจะเตรียมตัวนานเกินไปนะคะ

มาดูเหตุผลกันค่ะว่าทำไม:

  1. ผู้ที่เรียนจบด้านอื่นๆ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ หรือ BBA อาจไม่มีความรู้ทางชีววิทยา อย่างน้อยน้องๆจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือนในการเรียนรู้พื้นฐานทาง Biology, Biochemistry and Organic Chemistry (น้องๆลองคิดถึงโครงสร้างและความซับซ้อนของเคมีทั้งหลาย… ใช่แล้วค่ะน้องๆคงเห็นภาพให้หัวแล้วใช่มั้ยคะ)
  2. หลังจากนั้น น้องๆจะต้องเริ่มหลักสูตร Advance ซึ่งน้องๆต้องเข้าใจกับเนื้อหา MCAT จริง ๆ และเวลาเองก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะต้องทำความคุ้นเคยกับคลังคำถามมากมาย ดังนั้นน้องๆจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนเพื่อทำความเข้าใจ
  3. แน่นอนว่าน้องๆ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสอบ MCAT 7 ชั่วโมงโดยทำ Full length อย่างน้อย 4 ชุดที่มีอยู่ในเว็บไซต์ AAMC อาจารย์แนะนำให้ทำข้อสอบ 1 ชุดต่อสัปดาห์ (คะแนนที่ได้ออกมาให้น้องๆ -10 คะแนน ทั้งนี้เป็นเพียงประสบการณ์ของอาจารย์เท่านั้น)
  4. นักเรียนแพทย์หลายคนในประเทศไทยประสบปัญหาเรื่องทักษะภาษาอังกฤษ และ MCAT เป็นข้อสอบที่ใช้ภาษาระดับ Academic ที่ Advance มากๆ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ CARS ดังนั้นในช่วงเริ่มต้นของ MCAT อาจารย์จึงแนะนำให้น้องๆพัฒนาภาษาอังกฤษเพื่อให้สามารถคิดและวิเคราะห์เป็นภาษาอังกฤษได้โดยอัตโนมัติค่ะ
  5. นักเรียนที่ไม่มีพื้นฐานทางชีววิทยาจะต้องทำความคุ้นเคยกับ laboratory techniques, graphs, statistics

ข้อที่ 4 และ 5 ใช้ระยะเวลารวมกันคือ 1 เดือน
จากที่อาจารย์ได้กล่าวไว้ด้านบน เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมน้องๆ ต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวสอบ อย่างน้อย 6 เดือน

บทความนี้ไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อทำให้น้องๆหมดกำลังใจแต่อย่างใดค่ะ แต่อาจารย์ต้องการให้น้องๆรู้ระยะเวลาที่ต้องเตรียมตัวสำหรับ MCAT ซึ่งเป็นข้อสอบที่ยาก แต่ไม่ได้หมายความว่าน้องๆ จะสอบผ่านไม่ได้หากเตรียมตัวอย่างเหมาะสม อาจารย์เชื่อว่าทุกคนทำได้ และอาจเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ แต่สิ่งทีน้องๆจะได้ตามเป้าหมายคือปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต ชีวิตในฐานะนักวิจัยทางการแพทย์ จะได้ช่วยเหลือผู้อื่นให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและแน่นอนว่าสิ่งที่เราได้ทุ่มเทมาท้งหมด เพื่อได้ก้าวสู่ชีวิตแพทย์อย่างเต็มตัวซึ่งน้องๆ เองจะภูมิใจกับสิ่งที่เราได้ลงมือทุ่มเทมาทั้งหมดแน่นอนค่ะ

อาจารย์เชื่อมั่นว่าน้องๆทุกคนสามารถทำได้นะคะ

ขอให้น้องๆทุกคนโชคดีกับการสอบนะคะ 😊

MCAT Skills

MCAT Skills

The MCAT, apart from testing the content and its applications, also tests a few requisite skills: statistical reasoning, deducing a conclusion and analytical thinking. And before I get into the details, this is written specifically for a Thai audience as I have had experiences teaching students in Thailand.

So, let’s get to the skills: (there might be more but I believe that these are the most important) **I am basing this only on Biology and Biochemical Paper as I teach only this paper**

  1. Statistical Reasoning: basically, students have to be able to read and more important – understand the graphs, figures and the numbers. You must understand WHAT the graph is trying to say, what it has NOT included and which part of the passage does it resonate with? Once this skill is accomplished, we move on to the next:
  2. Analytical thinking and Deducing a conclusion: once we have read the graph, we can analyze and come to the conclusion. Literally, common sense right? (See, the steps are something that you use in your everyday life!). Now, you use that information to analyze (what goes up, what goes down, then what happens and what not) to arrive to a conclusion (when this variable increases, this variable decreases as an example). Once, we have arrive at such a conclusion, we can then look for a similar pattern in the answer to choose the correct choice.   **(Again, this is just the way I do it, I don’t force my students to follow my way if they can come up with a faster and better way)***

I believe that even before the content is started, students must be acclimatized to these skills for scientific studies. These skills can then be applied with the content to increase your familiarity with the thought-process and repetitions will increase your accuracy. Now that we are done for scientific studies, let’s move on to CARS.

I have had numerous inquiries regarding how to learn CARS and to answer honestly, and also from the POV of my CARS tutor, it is to do as many papers as possible with the correct foundational skills already perfected. What I mean is first develop a few basic skills then move on to do the questions.

First and foremost, learn to read in academic English. Remember, CARS is one whole paper, therefore, it makes up one whole part of your total MCAT score. And the reading skills gained in CARS can be applied to ALL papers. So it is worth it to learn to read and automatically understand academic English.  

Secondly, there are certain skills needed such as drawing a conclusion, finding the assumptions and predicting the future thoughts of the writer. Again, these skills should be laid before the CARS question bank and developed with the CARS question bank. 

These skills are vital to your making it to above the 505 in the MCAT scores. And remember, that most of the skills are based on logic. You don’t need to have a statistical background nor be a great English reader but what is needed is your ability to connect the dots, analyze them and draw a conclusion. Just like how you perceive information in your everyday life and make decisions based on that. To repeat, these skills are already in you, you just need a nudge in the right direction.

I hope this has helped you, if not much, then at least laid down a process for your preparation.

I believe in you!

Good Luck!!

Rani 🙂

MCAT TIMELINE

MCAT TIMELINE

MCAT, or the Medical College Admission Test, is an exam taken by aspiring medical doctors, who already have an undergraduate degree from any faculty. The test is taken online; there are no heard copy version or offline. The subjects tested can be found on any website and the skills required will be discussed on the next blog. 

The purpose of today’s article is to explain the timeline required for the optimum preparation for the MCAT. This article is also written from my experience with Thai students in mind. Having experience in teaching MCAT in Thailand for sometime now, aspiring medical doctors are still under the wrong impression that the MCAT can be studied, prepared for and done within 1 to 2 months.

It just cannot. Even for Biomedical students.

Anybody can do and conquer the MCAT. It is not the most difficult thing out there but it may seem overwhelming. We just need to be smart about preparing for it and give it our best shot!

For non-scientific majors, I would recommend at least 6 months. Too long? Too laborious? Don’t panic yet.

Let me explain why:

  1. Non-scientific majors, who have graduated from faculties such as engineering or  BBA, have been too far away from the Biological foundations. It would take maximum at least 1 month to lay the biological, biochemical and organic chemistry foundation. (Think of all the complicated chemical structures….yes, you are seeing the picture now)
  2. Now that the foundation is done in 1 month. Aspiring medical doctors need to start the advance courses, where they have to deal with the real MCAT content followed by time need to familiarize yourself with infinite question banks.  Hence, the content plus question bank will take at least 3 months.
  3. After the question banks, of course, students have to prepare themselves mentally for the 7 hour MCAT by doing at least 4 full-length exams available on the AAMC website. My recommendation would be to do 1 exam per week to  have the time to evaluate the questions students got wrong, revise those topics, strengthen your weak points.***Whatever you get from your FL, subtract 10 and that is your real MCAT score. (I’m not saying this is completely right but this is what I have seen from my students).***
  4. Many aspiring medical doctors in Thailand also experience problems with their English skills, which is a requirement for CARS. Therefore, beginning of the MCAT journey, I recommend students to develop their English to a certain level to be able to critically think automatically. 
  5. Students without the biological foundations would also need to familiarize themselves with laboratory techniques, graphs, statistics.

Points 4&5 together is 1 month.

Totaling to at least 6 months.

This article has not been written to scare or cause panic amongst medical doctors but to paint a real picture for the journey. The MCAT is a difficult exam but it does not mean that it can’t be beaten given the right preparation. I believe that everyone can do it and can ace it. It may be a crazy journey but the finish line: an MD degree, a life as a medical researcher, a life of giving back, a life of helping others to better their quality of life IS worth it.

I believe in you!

Good Luck!