Posts tagged mcat thailand

MCAT: ต้องเตรียม ต้องติว ต้องปัง

สวัสดีค่ะน้องๆทุกคน อ. เจน นะคะ (หรือจะเรียกพี่เจนก็ได้ค่ะ เพื่อความเป็นกันเอง) ขอแนะนำตัวแบบง่ายๆก่อนเลย พี่เรียนจบปริญญาเอกสาขาวิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยรับหน้าที่การสอนวิชา Biology เป็นหลักและ Biochemistry ที่ Learning Hub และ MediPrep ค่ะ ซึ่งก็มีประสบการณ์สอนน้องๆที่นี่มาเกือบ 5 ปีแล้วค่ะ

สำหรับ blog แรกนี้ พี่ขอเริ่มต้นด้วยการแนะนำเกร็ดเล็กๆน้อยๆสำหรับการเตรียมตัวก่อนสอบ MCAT นะคะ สิ่งแรกที่น้องๆต้องทำคือต้องทำความรู้จัก MCAT ก่อน (รายละเอียดนั้น สามารถหาได้จากทาง website ต่างๆได้) โดยข้อสอบจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วน:

1. Biological and Biochemical of Living Systems

2. Chemical and Physical Foundations of Biological systems

3. Psychological, Social, and Biological Foundations of Behavior

4. Critical Analysis and Reasoning Skills

คะแนนเต็มของแต่ละส่วนคือ 132 คะแนน มีคะแนนรวมทั้งหมด 528 คะแนน

• เพราะฉะนั้น การที่จะได้คะแนนสอบที่ดีนั้นจะต้องมีการเตรียมตัวที่ใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน โดยเวลานี้จะเป็นการเรียนรู้เนื้อหาวิชาต่างๆ รวมถึงการทำข้อสอบจาก question banks (Learning Hub เราพร้อมจัดการให้ทุกอย่างแน่นอน!)

• อย่างแรกที่อยากให้น้องๆทำคือสร้าง to-do list ของตัวเองโดยแบ่งเป็น 3 ช่วงใหญ่ คือ

1. ช่วง Study เป็นเรียนรู้เนื้อหาของแต่ละวิชาเป็นหลัก ทำความเข้าใจเนื้อหา จำคำศัพท์ทางเทคนิคต่างๆ เป็นต้น

2. ช่วง Review เป็นการทบทวนเนื้อหาที่ได้ทำไปในช่วง study โดยมีการทำแบบฝึกหัดแบบพื้นฐาน หรือการใช้ Anki flashcards

*น้องๆสามารถนำช่วง study และ review มาสลับกันได้ เช่น เมื่อเรียนบท respiratory system เสร็จแล้ว ก็ต่อด้วยช่วง review

3. ช่วง Practice เป็นการทำแบบฝึกหัดที่ใกล้เคียงกับข้อสอบ MCAT ของจริง เช่นการทำคำถามจาก UWorld หรือ AAMC เพราะน้องๆจะได้ประเมินตัวเองว่าพร้อมหรือยังที่จะสอบ มีเนื้อหาตรงไหนที่ต้องไปเน้นเพิ่มเติมหรือไม่ ขอเน้นเลยนะคะ ว่าจุดนี้สำคัญมากๆ นอกจากจะเป็นการทดสอบความรู้ที่ต้องใช้สอบแล้ว ยังเป็นการเรียนรู้ style การสอบของตัวเองด้วย เช่นการเลือกที่จะทำ passage ให้จบก่อน หรือ independent questions ก่อน หรือระยะเวลาในการใช้ตอบคำถามว่าใช้เวลานานไปหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่าเรามีเวลาแค่ 90-95 นาทีในการทำข้อสอบ โดยการทำ to-do list นี้ ควรเซ็ท timeline ไว้ด้วย เช่น ในสัปดาห์นี้จะเรียนเกี่ยวกับ glucose metabolism และ lipid metabolism ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยให้เห็นในภาพกว้างของระยะเวลาในการเตรียมตัวทั้งหมดก่อนสอบ และเป็นการกระตุ้นตัวเองว่าเวลาใกล้สอบแล้วนะ พร้อมหรือยัง ไฟจะลนก้นแล้วหรือยังนะ ล้อเล่นนะคะ ซึ่งถ้าน้องๆเซ็ท timeline แบบนี้ น้องๆจะไม่มีความ panic แบบนี้แน่นอน ตรงกันข้าม น้องๆจะรู้สึกว่าตัวเองพร้อมแล้วที่จะลุยในสนามจริง

• อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคือเวลาพัก อย่าลืมใส่เวลา break เข้าไปใน to-do list ด้วยนะคะ เป็นการพักสมองเบาๆ สักวันในสัปดาห์ที่ฝ่าฟันเนื้อหาทั้งหมดมา เครียดไปก็ไม่ดีนะคะ! เป็นการ recharge ตัวเองเพื่อการเรียนในสัปดาห์ถัดไปค่ะ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเทคนิคเล็กๆน้อยๆที่พี่มาเสนอนะคะ โดยน้องๆสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับตัวเองเพื่อให้การเตรียมตัวมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ ทาง Learning Hub พร้อมพาน้องๆลงสู่สนามจริงค่ะ! เพราะการเริ่มต้นที่ดี มีชัยไปกว่าครึ่งนะคะ happy learning ค่ะทุกคน แล้วพบกันใน blog ถัดไปค่ะ

อ.เจน 🙂

MCAT TIMELINE (THAI)

MCAT หรือ Medical College Admission Test เป็นข้อสอบสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อสาขาวิชาการแพทย์ และต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีมาแล้วในคณะใดก็ได้ ข้อสอบนี้จะเป็นการทดสอบผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น นอกจากนี้ หัวข้อของข้อสอบและทักษะที่จำเป็นนั้น อาจารย์จะมาอธิบายเพิ่มเติมในบล็อคถัดไปนะคะ

จุดประสงค์ของบทความในวันนี้คือเพื่ออธิบายไทม์ไลน์ที่จำเป็นสำหรับการเตรียมตัวที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ MCAT บทความนี้อ้างอิงมาจากประสบการณ์ของอาจารย์ที่มีต่อนักเรียนไทยที่สนใจอยากเป็นแพทย์โดยทำการศึกษาค้นคว้าแค่เพียง 1 ถึง 2 เดือน

มันเป็นไปไม่ได้ เพราะคะแนนคุณจะไม่ดี แม้แต่นักเรียนชีวการแพทย์ก็ตาม…

แต่แน่นอนว่า ทุกคนสามารถทำ MCAT ได้ มันไม่ได้เป็นสิ่งที่ยากที่สุด เราแค่ต้องรู้ตัวว่าเราควรเตรียมตัวและพยายามอย่างไรให้เต็มที่!

สำหรับผู้ที่ไม่ได้จบด้านวิทยาศาสตร์ อาจารย์แนะนำให้น้องๆเตรียมตัวอย่างน้อย 6 เดือน น้องๆ อย่าเพิ่งคิดว่าจะเตรียมตัวนานเกินไปนะคะ

มาดูเหตุผลกันค่ะว่าทำไม:

  1. ผู้ที่เรียนจบด้านอื่นๆ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ หรือ BBA อาจไม่มีความรู้ทางชีววิทยา อย่างน้อยน้องๆจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือนในการเรียนรู้พื้นฐานทาง Biology, Biochemistry and Organic Chemistry (น้องๆลองคิดถึงโครงสร้างและความซับซ้อนของเคมีทั้งหลาย… ใช่แล้วค่ะน้องๆคงเห็นภาพให้หัวแล้วใช่มั้ยคะ)
  2. หลังจากนั้น น้องๆจะต้องเริ่มหลักสูตร Advance ซึ่งน้องๆต้องเข้าใจกับเนื้อหา MCAT จริง ๆ และเวลาเองก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะต้องทำความคุ้นเคยกับคลังคำถามมากมาย ดังนั้นน้องๆจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนเพื่อทำความเข้าใจ
  3. แน่นอนว่าน้องๆ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสอบ MCAT 7 ชั่วโมงโดยทำ Full length อย่างน้อย 4 ชุดที่มีอยู่ในเว็บไซต์ AAMC อาจารย์แนะนำให้ทำข้อสอบ 1 ชุดต่อสัปดาห์ (คะแนนที่ได้ออกมาให้น้องๆ -10 คะแนน ทั้งนี้เป็นเพียงประสบการณ์ของอาจารย์เท่านั้น)
  4. นักเรียนแพทย์หลายคนในประเทศไทยประสบปัญหาเรื่องทักษะภาษาอังกฤษ และ MCAT เป็นข้อสอบที่ใช้ภาษาระดับ Academic ที่ Advance มากๆ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ CARS ดังนั้นในช่วงเริ่มต้นของ MCAT อาจารย์จึงแนะนำให้น้องๆพัฒนาภาษาอังกฤษเพื่อให้สามารถคิดและวิเคราะห์เป็นภาษาอังกฤษได้โดยอัตโนมัติค่ะ
  5. นักเรียนที่ไม่มีพื้นฐานทางชีววิทยาจะต้องทำความคุ้นเคยกับ laboratory techniques, graphs, statistics

ข้อที่ 4 และ 5 ใช้ระยะเวลารวมกันคือ 1 เดือน
จากที่อาจารย์ได้กล่าวไว้ด้านบน เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมน้องๆ ต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวสอบ อย่างน้อย 6 เดือน

บทความนี้ไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อทำให้น้องๆหมดกำลังใจแต่อย่างใดค่ะ แต่อาจารย์ต้องการให้น้องๆรู้ระยะเวลาที่ต้องเตรียมตัวสำหรับ MCAT ซึ่งเป็นข้อสอบที่ยาก แต่ไม่ได้หมายความว่าน้องๆ จะสอบผ่านไม่ได้หากเตรียมตัวอย่างเหมาะสม อาจารย์เชื่อว่าทุกคนทำได้ และอาจเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ แต่สิ่งทีน้องๆจะได้ตามเป้าหมายคือปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต ชีวิตในฐานะนักวิจัยทางการแพทย์ จะได้ช่วยเหลือผู้อื่นให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและแน่นอนว่าสิ่งที่เราได้ทุ่มเทมาท้งหมด เพื่อได้ก้าวสู่ชีวิตแพทย์อย่างเต็มตัวซึ่งน้องๆ เองจะภูมิใจกับสิ่งที่เราได้ลงมือทุ่มเทมาทั้งหมดแน่นอนค่ะ

อาจารย์เชื่อมั่นว่าน้องๆทุกคนสามารถทำได้นะคะ

ขอให้น้องๆทุกคนโชคดีกับการสอบนะคะ 😊